เป็นคุณโดนสัมภาษณ์แบบนี้ จะรู้สึกยังไงครับ ค่อนข้างเหยียดนะครับ

เอามาจากเฟซบุค พี่ที่รู้จักกันครับ ต้องขอบอกว่ารุ่นพี่คนนี้ นาง E.Q. ชนะเริศมากครับ
แท๊กโต๊ะเครื่องแป้ง เพราะ เกี่ยวข้องโดยตรงเรื่องรูปร่างกับการสัมภาษณ์งาน

ผมขอใช้นามสมมุติ ระหว่าง Candidate และ HR
นามสมมุติ Candidate : อแมนด้า
นามสมมุติ HR : เดวิด

ข้อความข้างล่าง Copy มาจาก Facebook พี่เขาซึ่งผมขออนุญาต แล้วนะครับ

ช่วงว่างงาน นี่ก็เข้าไปอัพเดทเรซูเม่ที่เคยฝากไว้กับเว็บสมัครงานทั้งหลาย แล้วก็มีฝ่ายบุคคลจากบริษัทนึงโทรมาค่ะ
นาง: สวัสดีครับคุณอแมนด้า ผมเดวิดนะครับ จากบริษัท xxx คือทางบริษัทเห็นเรซูเม่คุณอแมนด้าจากเว็บ yyy แล้วรู้สึกสนใจมากครับ เลยอยากจะสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสายงานด้านการตลาดครับ
นี่: ค่ะ ยินดีค่ะ
นาง: ครับ คือ.. เอ่อ...
นี่: ...คะ?
นาง: คืออยากจะเรียนถามเกี่ยวกับข้อมูลที่ระบุในเรซูเม่นิดนึงครับ คือ... เอ่อออ
นี่: .....
นาง: คือ..
นี่: ...คือ?
นาง: คืออ... ทางเราเห็นจากเรซูเม่ว่าประสบการณ์ด้านการตลาดของคุณอแมนด้าค่อนข้างตรงกับที่เราต้องการมากเลยครับ แต่.. เอ่ออ...
นี่: แต่...?
นาง: แต่... เอ่ออ คืออ น..น้ำหนักคุณอแมนด้าตามที่ระบุในเรซูเม่ มัน.. เอ่ออ... มันเยอะ อืมม.. มากเลย
จ้ะ (ดรวกส์!)
นี่: ค่ะ ก็เยอะจริงตามที่เห็นค่ะ ไม่ได้พิมพ์ผิด ฮ่าๆ (ยังจะตลก)
นาง: ครับ ก็เลย.. อ่าา เลยอยากจะสอบถามว่า อืมมม... น้ำหนักขนาดนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานเหรอครับ?
นี่: อุปสรรคด้านไหนคะ?
นาง: ก็... อย่างเช่น ความรวดเร็วในการทำงานไรเงี้ยอ่ะครับ

ภาคมารในใจนี่ตอนนั้นคืออยากจะถามกลับไปสุดว่าคิดว่าคนอ้วนบนโลกนี้จะนอนเป็นแผลกดทับอยู่กับบ้านอย่างเดียวหรือไงวะ? แต่ในที่สุดภาคนางฟ้าที่บิ๊วมาให้เปี่ยมด้วยเมตตาและอีคิวก็ชนะ นี่จึงสะกดอารมณ์ ยิ้มให้กระจก แล้วตอบด้วยอินเนอร์แบบเดียวกับน้องเมญ่าเวลาเจอคำถามว่าตัวดำทำไมมาประกวดนางงามว่า...

นี่: อืมม... อันที่จริงแล้วการทำงานที่รวดเร็วน่าจะต้องมีพื้นฐานมาจากแพสชั่นในงานก่อนเป็นอันดับแรกนะคะ ถ้าเรามีแพสชั่น เราสนุกกับงาน เราก็จะกระตือรือร้นที่จะทำ นอกจากนี้ มันควรต้องมีความรวดเร็วของกระบวนการอื่นๆ มาประกอบกันด้วย ไม่ว่าจะเรียนรู้เร็ว คิดเร็ว จับประเด็นเร็ว หาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเร็ว วางแผนการทำงานและประสานงานฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เร็ว อะไรแบบนี้ ถึงจะเกิดผลลัพธ์เป็นการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วน้ำหนักไม่เคยมีผลกระทบต่อความรวดเร็วในกระบวนการต่างๆ เหล่านี้ค่ะ

ปรากฎเดวิดไม่ได้ตื้นตันคล้อยตามใดๆ กับคำตอบนี่เลยค่ะ ห่าราก! นางยังคงมุ่งมั่นตั้งคำถามกับความอ้วนของนี่ต่อไปโดยไม่ลดละ

นาง: แต่งานของเราเป็นการตลาดเชิงรุกนะครับ เราไม่ได้อยู่กับที่ บางทีอาจจะต้องมีการเดินทางไปพบลูกค้าหลายบริษัทในวันเดียวกัน เราเลยค่อนข้างจะ concern เรื่องความรวดเร็วและความคล่องตัวในการเดินทางของคุณอแมนด้านะครับ

นี่: ความคล่องตัวในการเดินทางไปหลายที่เพื่ิอทำหลายอย่างในหนึ่งวันน่าจะเป็นเรื่องของการบริหารเวลา การวางแผนการเดินทาง และการจัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่จะทำมากกว่าเรื่องน้ำหนักตัวมั้ยคะ?

นาง: น้ำหนักและรูปร่างก็มีส่วนมากครับ บริษัทเราทำการตลาดเชิงรุก ทีมการตลาดที่เรามีอยู่ต้องการคนปราดเปรียว รวดเร็ว คล่องตัว มาเสริมทีม แต่คนอ้วนมักจะเหนื่อยง่าย ไม่ขยัน เคลื่อนไหวช้า ยิ่งประสบการณ์การทำงานสองที่ล่าสุดของคุณอแมนด้าเป็นงานผู้ช่วยซึ่งเป็นงานนั่งโต๊ะสบายๆ ไม่ต้องขยับตัวทำอะไรมาก เราเลยค่อนข้างจะกังวลว่าจุดนี้จะเป็นอุปสรรคต่อทีม
เดี๋ยวนะ คือร่ะ? คืออยากได้คนผอมรวดเร็วคล่องตัวปราดเปรียวแต่โทรมาหาคนอ้วน? วางหูแล้วโทรหาคนแบบที่อยากได้มะคะ? จะมาเซ้าซี้งั้นงี้ He Trad เพื่อร่ะ? คืองง..

เอาจริงๆ ทุกอย่างที่พูดมาก็เข้าใจได้ จนกระทั่งมาถึงวลี "คนอ้วนไม่ขยัน" และ "ผู้ช่วย (เลขา) เป็นงานสบาย ไม่ต้องขยับตัวทำอะไร".. ถ้าใครจะบอกว่าไดอะลอกห่านฟักพวกนี้คือส่วนหนึ่งของเกมการทดสอบอีคิวผู้สมัคร นี่ว่านี่มีอีคิวมากพอที่จะระงับอารมณ์ชี้แจงในส่วนที่ควรชี้แจงไปแล้ว และนี่ยินดีถูกทดสอบทุกอย่างเพื่อให้ได้งานต่อให้ต้องกระโดดตบจับเวลาร้อยทีต่อหน้าซีอีโอ แต่การเล่นเกมด้วยทัศนคติไม่ให้เกียรติคนอื่นและตัดสินคนด้วยอคติแบบนี้นี่จะไม่ทน! ดังนั้น อินเนอร์ภาคมารของนี่จึงรับไม้ต่อจากภาคนางฟ้า ก่อนจะตอบเดวิดไปด้วยอินเนอร์ของทาทายัง (ที่อ้วน สวย รวย และมีผัว) ว่า

นี่: ด้วยความเคารพนะคะคุณเดวิด งานเดิมเราคือเป็นผู้ช่วยหรือเป็นเลขานะคะ ไม่ได้เป็นอัมพาต จะได้ไม่ต้องขยับตัวทำอะไร จริงๆ แล้วหน้าที่นี้จำเป็นต้องรวดเร็วกว่าหน้าที่อื่นด้วยซ้ำเพราะเป็นด่านแรกที่ต้องรับคำสั่งและสนองนโยบายผู้บริหารระดับสูง ถูกต้องมั้ยคะ?

นาง: ค.. ครับ

นี่: ถ้าผู้ช่วยผู้บริหารที่บริษัทคุณเดวิดนั่งจิ้มมะม่วงดองดูยูทูบไปวันๆ เลยทำให้คุณเดวิด perceive แบบนั้น ก็ขอความกรุณาคุณเดวิดปรับทัศนคติใหม่นะคะ นั่นคือพฤติกรรมเฉพาะบุคคล ไม่ใช่ปกติวิสัยของทุกคนที่ทำตำแหน่งนี้.. เหมือนเรื่องคนอ้วนมักไม่ขยัน คือโลกนี้มีคนขี้เกียจที่อ้วน แต่ไม่ได้แปลว่าคนอ้วนทุกคนขี้เกียจ เข้าใจมั้ยคะ?

นาง: ข.. เข้าใจครับ

นี่: ส่วนเรื่องการตลาดเชิงรุกอะไรนั่น เนื่องจากคุณเดวิดยังไม่ได้อธิบายให้เห็นภาพว่าโดยเนื้องานแล้วต้องทำอะไร หรือต้องการคุณสมบัติอะไรที่มากไปกว่าความปราดเปรียวในการเดินทาง เลยไม่ทราบว่าจะชี้แจงอะไรนะคะ เพราะก็จินตนาการไ่ม่ถูกว่าปราดเปรียวนี่ต้องปราดเปรียวเลเวลไหน? คือการตลาดเชิงรุกที่นี่เวลาไปพบลูกค้าคือให้ผูกขาแล้ววิ่งไปด้วยกันจากออฟฟิศหรือว่าไง? ขึ้นรถ ลงเรือ นั่งแทกซี่ ขี่มอเตอร์ไซค์เองได้นี่ปราดเปรียวพอมั้ย? หรือต้องมีทักษะการโรยตัวลงจาก ฮ. ด้วยคะ?

นาง: .....

นี่:
ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณเดวิดมากนะคะที่สละเวลาโทรมาและให้โอกาสพูดคุยในเบื้องต้น ทั้งๆ ที่ทางบริษัท concern เรื่องน้ำหนักตัว ความคล่องตัว ความปราดเปรียวเป็นหลัก.. ถ้าพิจารณาแล้วว่าประสบการณ์การทำงานของเราน่าจะสามารถทำประโยชน์ให้บริษัทได้ในแง่อื่นๆ ก็ยินดีและเป็นเกียรติมากนะคะถ้าจะได้รับโอกาสให้เข้าไปลองสัมภาษณ์พูดคุยกัน
นาง: .....

นี่: แต่ถ้ายืนยันว่าปราดเปรียวคือชนะ ก็ไปจ้างยูเซน โบลต์ มาทำงานเถอะค่ะ นี่นักการตลาดค่ะ ไม่ใช่นักกรีฑา!

นาง: .....
‪#‎สังคมนี้ชะนีอ้วนจิตไม่แข็ง Mang อยู่ยากอยากให้มาลองเป็น‬
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรียน คุณสมาชิกหมายเลข 1691147
ไม่ว่าคุณจะกลับมาอ่าน ที่ผมตอบคุณหรือไม่อย่างไร แต่ขอบอกให้รู้ว่า
รุ่นพี่คนนี้เขาลดน้ำหนักอยู่ครับ แต่เนื่องจากมีโรคประจำตัวด้วย
เลยทำให้ลดได้แค่ 10 กว่ากิโล จากที่พยายามมา 1 ปี ทั้งคุมอาหารและฟิตเนส

แต่คนภายนอกว่า ก็ยังอ้วนอยู่ดีครับ
ซึ่งหมอที่รักษาพี่เค้าประจำ เค้าบอกให้หัดคิดบวก มั่นใจ
และออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ครับ ซึ่งโรคของเค้าเป็นโรคเดียวกับทาทา ยังครับ
ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าโรคอะไร
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
เราเพิ่งจบใหม่เราอ้วน 105-106kg.ค่ะ
1.ตอนฝึกงานไปสมัครที่แรกเป็นการนำชมนักท่องเที่ยวต้องมีชุดประจำตำแหน่ง
เราสอบได้คะแนนผ่านและเยอะกว่าเพื่อน 2 คนที่ไปด้วย
วันสัมภาษณ์เค้าถามเราว่า "น้องทำback officeได้มั้ย" เราตอบว่าเราชอบงานบริการ เราชอบพูดชอบเล่าเรื่องให้คนฟังมากกว่า พี่เค้าบอกว่า"น้องคะตั้งแต่น้องเดินเข้ามาน้องเห็นคนหุ่นแบบน้องมั้ย พี่อยากรับนะแต่น้องคงใช่ชุดไม่ได้ค่ะ" เราก็บอกไม่เป็นไรค่ะ งานback office เราไม่ถนัด เรากลับบ้านเสียใจร้องไห้เลย
หลังจากไม่ได้ที่นี่เราก็ได้ฝึกที่ดีกว่า ได้นำชมนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับประวัติพิพิธภัณฑ์และประวัติรัตนโกสินทร์ตอนต้น ได้คุยกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้เพื่อนที่ดี เราได้รับแขก เราได้ถือพานดอกไม้ถวายพระ ที่นี่เค้าไม่สนใจเลยว่าอ้วนแต่เค้าดูความสามรถ ความรับผิดชอบมากกว่า เราฝึกจบแล้วดีใจและภูมิใจมากค่ะ

2.หลังฝึกงานก็จบการศึกษา เราได้ฝากประวัติไว้ในเว็บมีบริษัทหนึ่งโทรมาเรียกไปสัมภาษณ์เป็นงานบริการ เราก็ดีใจโทรเรียกเป็นที่แรก เราไปถึงเค้านั่งรอเราแอบเห็นในได้สมัครเค้าวงน้ำหนักเราด้วย เราก็ไม่คิดอะไร เค้าบอกว่า พี่อยากรับน้องนะแต่พี่เคยรับคนหุ่นจ้ำม่ำมาก็มีปัญหาสุขภาพ ยืนไม่ไหว เราบอกว่าเราทำได้ค่ะ เพราะตอนฝึกงานก็ให้บริการนำชมเดินยืนทั้งวันเหมือนกัน แต่สุดท้ายเราก็ไม่ได้งานนี้ค่ะ เราคงตอบคำถามได้ไม่ดีก็เลยไม่ได้ แต่เราเข้าใจนะคะ งานบริการบุคลิกภาพสำคัญ ออกกำลังกายลดน้ำหนักเถอะจะเกิดผล เพี้ยนกิน

ตอนนี้เราก็ยังไม่ได้ทำงานค่ะไปลงเรียนคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับใช้ในสำนักงานและลองไปสอบป.โทบ้าง เรียนคอมจบก็ต้องหางานแล้วค่ะ
ความคิดเห็นที่ 71
อยากให้แยกประเด็นให้ออกนะคะ
เรื่องสุขภาพก็เรื่องนึง สิทธิ์ใครสิทธิ์มันค่ะ
เรื่องสิทธิมนุษยชนก็เรื่องนึงนะคะ

เพิ่มเติมอีกเรื่อง เวลามีคนมาโพสท์สไตล์โดน HR ไร้มารยาทใส่ แล้วมาแก้แทน HR ว่าอยากทดสอบ EQ หรือไหวพริบในการตอบคำถามเนี่ย
เราอยากบอกว่า สัมภาษณ์งานเนี่ยสมัยนี้มันต้องทำกันถึงขั้นเหยียดเพื่อนมนุษย์ และลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นคนของมนุษย์คนอื่นแล้วหรือคะ?
ถ้ามันเป็นส่วนนึงของขั้นตอนในการที่จะได้งานๆนั้นเนี่ย
ดิชั้นขอไม่ทำดีกว่าค่ะ เพราะในเมื่อไม่ได้มองเราเป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกันแต่แรก เมื่อเราเข้าไปทำงานด้วยก็คงไม่ได้รับการปฏิบัติแบบมนุษย์ที่เท่าเทียมกันปฏิบัติต่อกันแน่นอนค่ะ
ความคิดเห็นที่ 68
อ่านละขึ้นเลย คิดถึงตัวเองเมื่อเดือนที่ผ่าน
เราไปสมัครงานทิ้งไว้ที่บริษัทที่มีลค.เป็นต่างชาติในตำแหน่ง customer service มีหน้าที่รับออเดอร์จากลค.ผ่านเมลแล้วส่งต่องานให้โรงงานเหมือนเป็นตัวกลางคอยประสานงานให้ชค.และโรงงาน วันสัมภาษณ์กับHR ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขาต้องการเพราะงานเก่าเราก็ทำตำแหน่งนี้แต่งานเก่าหน้าที่เรามากกว่า หลังจากนั้นHRก็พาไปพบเจ้าของบริษัท(เป็นแขกขายผ้า)เพื่อทดสอบภาษาอังกฤษซึ่งเราก็ผ่านเพราะเราเรียนภาคอินเตอร์ โดยรวมเหมือนจะดูดีนะแต่ติดอยู่นิดเดียว ........

บทสนทนาหลังจากทดสอบภาษาอังกฤษเสร็จ ขอเรียกเจ้าของบริษัทว่าแขกนะคะ
แขก: ไหนๆก็ไหนๆละผมขอให้คุณอ่านเมลให้ผมสักฉบับแล้วแปลให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ (หันโน้ตบุคมา)
เรา: ได้คะ (พร้อมกับอ่านข้อความจับใจความได้ว่าเกิดการสื่อสารผิดพลาดเลยทำให้สูทที่สั่งตัดออกมาผิดไซส์และลค.คนนี้คงจะเป็นคนมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง แปลได้ประมาณนี้)
เรา: เอ่อ หนูแปลได้นะคะแต่ถ้าจะให้สมบูรณ์รบกวนคุณช่วยบอกหนูทีว่าคำนี้แปลว่าอะไรคะ ศัพท์เฉพาะใช่มั้ยคะ?
แขก: เป็นโค้ดผ้าครับ ปกติการทำงานจริงเราจะไม่ให้ใช้ดิกชันรีเลยนะเพราะสมองคุณต้องทำงานไว ตอบลูกค้าให้ไวมานั่งแปลก็ไม่ต้องทำอะไรพอดี
เรา: คิดในใจ อ้ายสาดดดดด เลยตอบไปว่า หนูก็แปลถูกนิคะ แต่แค่หนูแปลโค้ดผ้าของคุณไม่ออกเอง หนูไม่ได้เรียนมา
แขก: งั้นถ้าคุณเจอเมลนี้คุณจะตอบเขาว่าไง?
เรา: ก็จะเริ่มต้นจากขอโทษลค. ขอให้ลค.ส่งสินค้าที่มีปัญหากลับมาแล้วทางเราจะแก้ไขให้เร็วที่สุดโดยค่าใช้จ่ายทางเราจะเป็นผู้รับผิดชอบ และลงท้ายด้วยคำขอโทษอีกครั้ง (อันนี้แปลไทยให้)
แขก: คุณต้องตอบว่าทางเราจะขอตรวจสอบอีกทีว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไรสิ สินค้ามีปัญหาคุณไม่ตรวจสอบหรอ
เรา: นิ่งเงียบจ้องหน้าคิดในใจ จะให้ไปตรวจสอบกับผีที่ไหนยะในเมื่อมันเย็บผิดออกจากจักรในโรงงานแก หรือว่าต้องให้ไปตรวจสอบบริษัทขนส่งอาจจะขนส่งผิดพลาดทำให้ผ้าหดงี้หรอ? บ่างัว! พูดไม่คิดเนาะ แขกนิมันแขกจริงๆ ... ไม่ได้พูดอะไรออกไปค่ะ เอือม
แขก: มันคือการตอบแบบเป็นแพทเทินนิคุณ ถ้าคุณตอบแบบนี้คุณก็จะไม่ได้คิดเองเลยนะ
เรา: โมโหมากวินาทีนั้นอารมณ์มาเต็ม ... มันไม่ใช่แพทเทินค่ะ มันคือมารยาท! เราทำออเดอร์ผิดคำแรกที่ควรพูดคือคำว่าขอโทษเพราะถ้าคุณอ้างแต่จะตรวจสอบลค.จะมองว่าเราไม่เป็นมืออาชีพชอบปัดความรับผิดชอบ ของแบบนี้ดูก็รู้อยู่แล้วว่าผิดที่ใคร คนทำผิดก็ต้องขอโทษและรับผิดชอบอยู่แล้วที่ไหนในโลกก็ทำกันแบบนี้แหละค่ะ
แขก: อึ้งไป1นาที ครับ .... เอาเป็นว่าเดียวผมให้HR โทรกลับนะครับถ้าโชคดีอาจจะได้ร่วมงานกัน

รู้เลยละค่ะว่าไม่ได้งานนี้แน่นอน ถึงไม่ได้ก็ไม่เสียใจเลยสักนิด เราไม่ชอบอยู่กับคนไม่มีความรับผิดชอบ ..... ตอนเดินออกมาจากห้องพี่ที่สัมภาษณ์เราบอกว่าพี่ชอบหนูมากเลยนะ แต่ยังไงก็ต้องแล้วแต่เจ้าของท่านอีกที เราเลยบอกพี่เขาว่าไม่เป็นไรคะพี่หนูเข้าใจ ........

เล่าให้เพื่อนฟังนางยังบอกเลยว่าเราอีโก้สูงไปป่าว ยึดติดมากไปมั้ย แต่เราก็เถียงนะว่าถ้าแกเป็นลค.คนนั้นแกจะอยากจ้างคนที่ปัดความรับผิดชอบมาตัดสูทให้แกมั้ย? ชอบหรอจ้างคนแบบนี้มาทำงานให้ งานห่วย ไม่รับผิดชอบ ไม่ขอโทษ นางถึงขั้นเงียบ .... ในกรณีของเราน่าเห็นใจHRนะ แต่ก็อย่างว่าละเนาะคนทำงานกะคนสั่งงานก็ย่อมคิดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว .....
ความคิดเห็นที่ 1
ฮาสุดตรงให้ไปจ้างยูเซน โบลท์มาทำงานนี่ล่ะ 5555

งงว่าในเมื่อตั้งธงจะเอาคนไม่อ้วน แล้วจะโทรมาหาคนอ้วนทำไม โทรมาเพื่อ Discriminate?

คาดว่าขุ่นเดวิด(นามสมมติ) นั่น คงยังเงิบไม่หาย
ความคิดเห็นที่ 39
เข้าใจได้ถ้าเขาจะทดสอบ แต่บางทีทางบริษัท ควรตระหนักด้วยว่า
คำพูดที่ใช้ มันเหยียดสิทธิมนุษยชน ความเป็นคนของคนอื่นรึเปล่า
กรณีนี้ เราถือว่าคนถามไม่เข้าใจ ไม่สามารถสื่อประเด็นสำคัญที่ถามออกมาได้เลย
แถมยังมีทัศนคติเหยียดคนอีกด้วย ...ยุคนี้แล้ว ยังพูดจะด้วยทัศนคติเชยๆแบบนี้
มันก็แสดงให้เห็นเหมือนกันนะว่า องค์กรณ์นี้ คิดยังไงกับคุณค่าของมนุษย์ และเพื่อนรวมงาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่